มิราจ (mirage) การหักเหของแสงที่คนขับรถพึงระวัง

ปรากฏการณ์มิราจ (mirage)

มิราจ (mirage) เป็นปรากฏการณ์เกิดจากการหักเหของแสง เนื่องจากชั้นของอากาศที่แสงเดินทางผ่านมีความหนาแน่นต่างกัน มักเกิดขึ้นในบริเวณพื้นทะเลทรายหรือ พื้นผิวถนนที่ถูกแดดร้อนจัด ส่งผลให้อากาศเหนือพื้นทรายหรือพื้นถนนมีอุณหภูมิสูงกว่าชั้นอากาศโดยรอบ เมื่อแสงเดินทางผ่านอากาศร้อนจะเกิดการหักเหไปในทิศทางที่โค้งขึ้น เมื่อแสงเดินทางถึงพื้นผิวถนนจะเกิดการสะท้อนกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง และเกิดการหักเหอีกครั้งเมื่อเดินทางผ่านอากาศเย็น ส่งผลให้เกิดภาพสะท้อนของวัตถุที่อยู่ไกลขึ้นหรืออยู่ต่ำกว่าตำแหน่งจริง บางครั้งอาจปรากฏเป็นภาพสะท้อนของวัตถุที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร

ปรากฎการณ์มิราจ (mirage) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

มิราจแบบเหนือกว่า (superior mirage)

เกิดขึ้นเมื่ออากาศด้านบนแนวสายตาเย็นกว่าอากาศด้านล่าง การจัดเรียงที่ผิดปกตินี้เรียกว่าการผกผันของอุณหภูมิเนื่องจากอากาศอุ่นเหนืออากาศเย็นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการไล่ระดับอุณหภูมิปกติของบรรยากาศในช่วงกลางวัน เมื่อผ่าน การผกผันของอุณหภูมิ รังสีของแสงจะโค้งลง ดังนั้นภาพจึงปรากฏเหนือวัตถุจริง สามารถพบได้ทั่วไปในบริเวณขั้วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มีอุณหภูมิต่ำสม่ำเสมอ ภาพลวงตาที่เหนือกว่ายังเกิดขึ้นที่ละติจูดปานกลาง แม้ว่าในกรณีเหล่านั้น ภาพลวงตาจะอ่อนแอกว่าและมีแนวโน้มที่จะราบรื่นและเสถียรน้อยกว่า ตัวอย่างเช่น แนวชายฝั่งที่ห่างไกลอาจดูเหมือนสูงตระหง่านและดูสูงขึ้น (และอาจใกล้กว่านั้น) มากกว่าที่เป็นจริง เนื่องจากความปั่นป่วนของอุณหภูมิ

มิราจแบบล่างกว่า (inferior mirage)

เกิดขึ้นเมื่ออากาศด้านล่างแนวสายตาเย็นกว่าอากาศด้านบน เมื่อแสงเดินทางผ่านอากาศเย็นจะเกิดการหักเหไปในทิศทางที่โค้งลง เมื่อแสงเดินทางถึงพื้นผิวถนนจะเกิดการสะท้อนกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง และเกิดการหักเหอีกครั้งเมื่อเดินทางผ่านอากาศร้อน ส่งผลให้เกิดภาพสะท้อนของวัตถุที่อยู่ต่ำกว่าตำแหน่งจริง มักเกิดขึ้นในบริเวณทะเลทรายหรือพื้นผิวถนนที่ถูกแดดร้อนจัด โดยทั่วไปจะปรากฏเป็นภาพสะท้อนของน้ำหรือบ่อน้ำ

มิราจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น ภาพสะท้อนของวัตถุที่อยู่ไกล ภาพสะท้อนของท้องฟ้า ภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์ หรือภาพสะท้อนของวัตถุที่ไม่มีอยู่จริง มิราจอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น ทำให้ผู้ขับขี่รถหลงทางหรือทำให้นักบินบินผิดพลาด

เมื่อไหร่ที่เราจะพบกับปรากฎการณ์มิราจ (mirage)

โดยปกติแล้วปรากฎการณ์มิราจมักเกิดขึ้นในช่วงกลางวันที่มีอากาศร้อนจัด โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นในบริเวณที่มีพื้นผิวเรียบ เช่น ทะเลทราย ถนน ทะเล หรือหิมะ

การที่อากาศร้อนจัดทำให้ชั้นอากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินมีอุณหภูมิสูงกว่าชั้นอากาศที่อยู่ด้านบน แสงอาทิตย์ที่เดินทางผ่านชั้นอากาศร้อนจัดจะเกิดการหักเหไปทางพื้นดิน ทำให้เกิดภาพสะท้อนของวัตถุที่อยู่ไกลออกไป ปรากฏเป็นภาพลวงตา เช่น ภาพน้ำทะเลบนถนน ภาพเมืองลอยฟ้า หรือภาพต้นไม้กลับหัว

ฟิล์มกรองแสงช่วยป้องกันภาพสะท้อนได้หรือไม่

ภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์เกิดจากแสงอาทิตย์ที่กระทบพื้นผิวเรียบแล้วสะท้อนกลับเข้ามาตาเรา ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วยป้องกันภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์ได้ โดยฟิล์มกรองแสงบางประเภทจะเคลือบสารที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงออกไปด้านนอก ช่วยลดปริมาณแสงที่สะท้อนกลับเข้ามาตาเรา ทำให้มองเห็นได้สบายตาขึ้น

นอกจากนี้ ฟิล์มกรองแสงบางประเภทยังมีคุณสมบัติช่วยกระจายแสง ทำให้แสงกระจายไปทั่วบริเวณ ช่วยลดแสงจ้าที่สะท้อนกลับมาตาเรา

ฟิล์มกรองแสงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยป้องกันภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์ โดยควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีค่าการสะท้อนแสง (Reflectance) สูง และค่าการกระจายแสง (Diffusion) สูง จะช่วยให้ป้องกันภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์ได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์ ได้แก่

  • ฟิล์มกรองแสงเซรามิค (ceramic window film)
  • ฟิล์มกรองแสงโลหะ (metal window film)
  • ฟิล์มกรองแสงแบบกระจายแสง (Light diffusing filter film)

อย่างไรก็ตาม ฟิล์มกรองแสงไม่สามารถป้องกันภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์ได้ทั้งหมด เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น มุมที่แสงอาทิตย์กระทบกระจก สภาพอากาศ จึงควรเลือกใช้ ฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูง ที่มีมาตรฐานวางใจได้

Similar Posts